พ.ศ.2458 ความสัมพันธ์กับรถไฟไทย : เชื่อมต่อแหล่งวัตถุดิบ

ความสำคัญของการคมนาคมขนส่งโดยรถไฟในยุคต้นมีมากมายเพียงใดสำหรับการตั้งโรงงานปูนซีเมนต์คงอ่านได้จาก "ทำเลและการก่อสร้าง" ที่ว่าด้วยการการตัดสินใจเปลี่ยนทำเลที่ตั้งโรงงานจากริมแม่น้ำมาอยู่ที่ริมทางรถไฟ

พัฒนาการของการสร้างทางระบบรถไฟในเมืองไทยมีความสำคัญและสัมพันธ์กับการพัฒนาบริษัทปูนซิเมนต์ไทยอย่างมาก ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญทีเดียว เนื่องจากก่อนเกิดโรงงานปูนซีเมนต์แห่งแรกของประเทศไทยนั้น โครงข่ายทางรถไฟเกิดขึ้นเชื่อมการคมนาคมจากกรุงเทพฯ ไปยังหัวเมืองสำคัญ ๆ แล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประการแรกสุดคือ การเชื่อมโยงระหว่างโรงงานที่บางซื่อกับแหล่งวัตถุดิบสำคัญในประเทศ อันได้แก่ แหล่งดินขาวหรือบางครั้งก็เรียกดินสอพอง (Marl) ซึ่งในช่วงแรกอยู่ที่ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยขนส่งด้วยรถไฟสายเหนือจากสถานีช่องแคถึงบางซื่อเป็นระยะทาง 180 กิโลเมตร จากหนังสือตอบโต้ระหว่างบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (19 มิถุนายน พ.ศ.2456) และกระทรวงคมนาคม (5 สิงหาคม พ.ศ.2456) ระบุว่าบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด ต้องจ่ายค่าขนส่งวัตถุดิบให้การรถไฟเป็นเงินปีละ 50,000 - 100,000 บาท (ในขณะนั้นภาษาอังกฤษใช้ว่า ticals) ในขณะที่บริษัทมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยกว่าจะเรียกค่าหุ้นครบ 100% ใช้เวลาถึง 3 ปี (พ.ศ.2459)

ต้นทุนค่าขนส่งโดยรถไฟเป็นปัจจัยพิจารณาการตัดสินเชิงบริหารครั้งสำคัญ ๆ หลายครั้งต่อจากนั้น
ความพยายามแสวงหาวัตถุดิบที่ใช้เวลาและต้นทุนในการขนส่งลดลง ในที่สุด อีกราว 6 ปีหลังจากตั้งโรงงานที่บางซื่อก็สามารถค้นพบแหล่งวัตถุดิบใหม่ที่ตำบลบ้านหมอ อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ไม่เพียงอยู่ใกล้เส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้น ยังย่นระยะทางลงอีกเหลือประมาณ 100 กิโลเมตร

“เมื่อการคมนาคมทางรถไฟและรถยนต์ได้เป็นปัจจัยให้เกิดตลาดสำหรับปูนซีเมนต์ ห่างจากเขตพระนครมากขึ้น บริษัทก็ได้ตกลงขยายกิจการเพิ่มเติมด้วยการจัดสร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้นที่ ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อันเป็นทำเลที่ได้เปรียบกว่าตำบลบางซื่อ เพราะมีการลำเลียงทางน้ำได้ด้วย แล้วอยู่ห่างจากบ่อดินขาวเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น งานนี้ได้เริ่มก่อนหน้าที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เพียงเล็กน้อย" (จากหนังสือปูนซิเมนต์ไทย พ.ศ.2500 : 1957)

อย่างไรก็ตามการตั้งโรงงานที่ท่าหลวง ทำให้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด ต้องตัดสินใจลงทุนสร้างทางรถไฟเอง เป็นระยะทางถึง 8 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโรงงานท่าหลวงกับสถานีรถไฟบ้านหมอ ซึ่งยกให้เป็นสมบัติของรัฐในเวลาต่อมา "แต่ก็อีกนั่นแหละเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด ที่ไม่สามารถทำให้กรมรถไฟเห็นอกเห็นใจบริษัทในการจัดแผนงานได้” ตอนหนึ่งของหนังสือปูนซิเมนต์ไทย พ.ศ.2500 : 1957 ระบุเรื่องนี้เอาไว้ ซึ่งได้สรุปไว้ด้วยว่า     "ในที่สุดการเลือกที่ตั้งโรงงานที่ท่าหลวง ก็ได้ทำให้บริษัทเป็นเจ้าจำนำ (คู่ค้า) ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของการรถไฟแห่งประเทศไทย”